วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ลดาวัลย์


ลดาวัลย์
bridal-creeper


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ลดาวัลย์

ไม้เลื้อยไม่ผลัดใบ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาทำความสะอาดสวน ใบรูปหัวใจซ้อนกันเป็นพุ่มหนา ออกดอกเป็นช่อใหญ่สีขาวบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆในช่วงเช้ามืดจนถึงบ่าย เหมาะกับปลูกทำซุ้มไม้เลื้อยเพื่อประดับสวน หรือเลื้อยคลุมรั้วบ้าน กำแพง และควรหมั่นตัดแต่งอยู่เสมอ เคล็ดลับที่จะทำให้ซุ้มลดาวัลย์สวยมากขึ้นก็คือ ปลูกไว้ที่โคนเสาทุกต้น แล้วให้ต้นเลื้อยขึ้นไปนอนอยู่บนซุ้ม
ชื่อวิทยาศาสตร์    Porana volubilis Burm.
ตระกูล                 CONVOLVULACEAE
ชื่อสามัญ              ฺBridal Creeper. Snow Creeper.
                             Bridal Wreath.

ลักษณะทั่วไป
ต้น        เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง มีขนาด.ใหญ่ เถาสีเขียว แต่เมื่อเถาแก่จะเป็นสีน้ำตาลและผิวจะเรียบ
                ส่วนเถาอ่อนหรือบริเวณยอดอ่อนจะมีขนนุ่ม ๆ ขึ้นโดยทั่วไป
ใบ         เป็นไม้ใบเดี่ยว และมีใบดก ตลอดทั้งปี ใบจะออกสลับกันไปตามข้อต้น ใบสีเขียวเข้ม ปลาย
                ใบแหลม โคนใบเว้าหรือมนเล็กน้อย เป็นรูปหัวใจ
ดอก       ออกดอกเป็นช่อ ตามซอกใบ กลีบดอกเป็ฯรูปกระดิ่ง ปลายดอกแยกออกเป็น 5 แฉก มีเกสร
                 ตัวผู้ 5 อัน ดอกมีกลิ่นหอมในตอนเช้าและกลิ่นจะค่ย ๆจางลงเมื่อเวลาบ่าย

ดูกาลออกดอก
ออกดอกตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะให้ดอกดกมาก

การปลูก
ลดาวัลย์เป็นไม้ที่เจริญเติบโตเร็ว มีวิธีการปลูกโดยการนำกิ่งที่ได้จากการตอน การปักชำ การทาบกิ่ง
หรืออาจจะเป็นต้นกล้าจากการเพาะเมล็ดก็ได้ นำมาปลูกลงดินบริเวณริมรั้ว หรืออาจจะปลูกให้ขึ้นซุ้ม
หรือร้านก็ได้ โดยให้ขุดหลุมปลูกขนาดประมาณ 1x1 ฟุต รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยพืชสดหรือปุ๋ยหมักประมาณ
1/4 ของหลุม กลบดินเล็กน้อย แล้ววางกิ่งลงกลางหลุม กลบดินพอแน่น แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
การดูแลรักษา
แสง        เป็นไม้กลางแจ้ง ต้องการแสงแดดมาก
น้ำ           ต้องการน้ำปานกลาง ควรรดน้ำวันละ 2 ครั้ง
ดิน          เจริญงอกงามได้ดีในดินแทบทุกชนิด โดยเฉพาะในดินร่วนที่มีการระบายน้ำได้ดี
ปุ๋ย          ไม่ต้องการปุ๋ยมากนักโดยใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักใส่บริเวณโคนต้นปีละ 2 ครั้ง ก็พอ

โรคและแมลง
ไม่มีปัญหาเรื่องโรคและแมลง รบกวนถึงขั้นเสียหายมากนัก

การขยายพันธุ์
การขยายพันธุ์โดยการตอน การปักชำ การทับกิ่ง และการเพาะเมล็ด




->ลดาวัลย์

มาลัยทอง

        มาลัยทอง

มาลัยนงนุช /Golden Wreath
ชื่อวิทยาศาสตร์: Petreovitex bambusetorum King
วงศ์: Lamiaceae
ประเภท: ไม้เลื้อยขนาดกลาง อายุหลายปี
ลำต้น: เลื้อยได้ไกล 2 – 5 เมตร มีมือเกาะ กิ่งก้านเป็นเหลี่ยม
ใบ: ใบประกอบ 3 ใบย่อยออกตรงข้าม รูปใบหอกแกมรูปรี กว้าง 6-7 เซนติเมตร ยาว 14-16 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมน ขอบใบจักซี่ฟัน แผ่นใบสีเขียวเข้ม ผิวใบเกลี้ยง ก้านใบยาว 8 เซนติเมตร โคนก้านอ้วนพอง
ดอก: ออกเป็นช่อตามปลายยอด ช่อยาว 15-45 เซนติเมตร กลีบประดับสีเหลือง แตกช่อย่อย ดอกย่อยเป็นหลอด กลีบเลี้ยง 5 กลีบรูปขอบขนาน ปลายแหลม กลีบดอกสีเหลือง โคนกลีบสีเหลืองเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกออกเป็น 5 กลีบซ้อนทับกัน ด้านบน 3 กลีบ ด้านล่าง 2 กลีบ มีขนปกคลุม เมื่อนำมาปลูกเลี้ยงจะออกดอกเป็นระยะตลอดปี แต่ในธรรมชาติออกเดือนสิงหาคมถึงกันยายน
ดิน: ดินร่วน ระบายน้ำดี อินทรียวัตถุสูง
แสงแดด: เต็มวัน ถึงรำไร
ขยายพันธุ์: ปักชำกิ่ง

วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

จันทร์กระจ่างฟ้า

จันทร์กระจ่างฟ้า
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ จันทร์กระจ่างฟ้า
พรรณไม้เลื้อยลำต้นอ่อน ใบกว้างสีเขียวสด ออกดอกตลอดปี ดอกสีเหลืองสดคล้ายแตร กลีบดอกสีเหลืองอมเขียว เหมาะกับการทำซุ้มกันแดดในสวนหรือจะตัดแต่งให้เป็นทรงพุ่ม ปลูกลงในกระถางที่มีโครงเหล็กครอบไว้ เพื่อจัดทิศทางให้ต้นไม้เลื้อยขึ้นไปด้านบนเพื่อทำซุ้มหรือม่านกันแดดที่ระเบียง

การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร:             Plantae
ไม่ถูกจัดอันดับ:     Angiosperms
ไม่ถูกจัดอันดับ:     Eudicots
ไม่ถูกจัดอันดับ:     Asterids
อันดับ:    Gentianales
วงศ์:        Apocynaceae
สกุล:       Pentalinon
สปีชีส์:    P. luteum

ชื่อทวินาม
Pentalinon luteum
(L.) B. F. Hansen & Wunderlin

จันทร์กระจ่างฟ้า (วิสัย:C; ชื่อสามัญ:Hammock viperstail; Wild allamanda; ชื่อวิทยาศาสตร์: Pentalinon luteum ; วงศ์: Apocynaceae) เป็นไม้เถาเลื้อย เนื้อแข็ง มีสีน้ำตาล กิ่งอ่อนสีเขียว และมีสีแดงเรื่อ มีดอกสีเหลืองสด ขยายพันธุ์ด้วยการการปักชำ และตอนกิ่ง นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ



สร้อยอินทนิล

สร้อยอินทนิล

สร้อยอินทนิล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สร้อยอินทนิล
Soiinthanin.jpg
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร:Plantae
ไม่ถูกจัดอันดับ:Angiosperms
ไม่ถูกจัดอันดับ:Eudicots
ไม่ถูกจัดอันดับ:Asterids
อันดับ:Lamiales
วงศ์:Acanthaceae
สกุล:Thunbergia
สปีชีส์:T.  grandiflora
ชื่อทวินาม
Thunbergia grandiflora
Roxb.
ชื่อพ้อง
  • Bengal Trumpet
สร้อยอินทนิล หรือ ช่ออินทนิล ช่องหูปากกา น้ำผึ้ง ปากกา ย่ำแย้ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Thunbergia grandiflora Roxb.ชื่อสามัญคือ Bengal Trumpet มีถิ่นกำเนิดในอินเดียตอนเหนือ พม่า และไทย ชอบขึ้นตามป่าดิบแล้งและป่าเบญจพรรณ เป็นไม้เถาเลื้อย เนื้อแข็ง อายุหลายปี ใช้ยอดเลื้อยพันได้ไกล 15-20 เมตร ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปหัวใจหรือเว้าตื้น 5-7 แฉก กว้าง 8-10 เซนติเมตร ยาว 10-12 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบเว้า ขอบหยักฟันเลื่อย ผิวใบสาก ดอกสีฟ้าอมม่วง ออกเป็นช่อแบบช่อกระจะตามซอกใบ ช่อดอกห้อยลงยาว 0.8-1 เมตร ใบประดับสีเขียวและมีสีแดงเรื่อ ดอกรูปแตร โคนกลีบเป็นหลอดสั้นสีเหลืองปลายแยก 5 แฉก รูปกลม โคนกลีบล่างอันกลางมีแต้มสีม่วงเข้ม ดอกบานเต็มที่กว้าง 6-8 เซนติเมตร ปลูกได้ในดินทั่วไป ความชื้นปานกลาง แสงแดดเต็มวัน ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำเถา หรือหน่อ เปลือกและรากนำมาตำพอกแก้อาการช้ำบวมและแผลอักเสบ ใบนำมาชงเป็นชาแก้ปวดท้องสร้อยอินทนิล
ไม้เลื้อยเนื้อแข็งขนาดใหญ่ ใบสากแข็งรูปไข่ถึงรูปหัวใจ ดอกออกเป็นช่อกระจายตามซอกใบและกิ่งห้อยลง ใบประดับสีเขียวอ่อน 2 ใบหุ้มดอกตูม ดอกรูปกรวย กลีบดอกสีฟ้าอมม่วงหรือสีขาว โคนกลีบสีเหลืองอ่อนเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น โคนกลีบล่างมีสีม่วงเข้ม นิยมปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป ปลูกประดับในซุ้มโปร่งเพราะจะมองเห็นดอกห้อยลงมาดูสวยงาม หรือปลูกริมทะเล

พวงแสด

พวงแสด

ลักษณะทั่วไป[แก้]พวงแสด

ไม้เถาเลื้อย เนื้อแข็ง อายุหลายปี ใช้มือพันเลื้อยพัน กิ่งก้านเป็นเหลี่ยม ใบเป็นใบประกอบ เรียงสลับ มีใบย่อย 3 ใบ ในใบย่อยบางชุดใบกลางจะเปลี่ยนเป็นมือพัน ใบย่อย รูปไข่ กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 4-5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ ดอกสีส้มอมเหลือง ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกแยกแขนงตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ช่อละ 10-30 รูปเข็ม โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดยาว 3-6 เซนติเมตร ปลายแยก 5 กลีบ รูปแถบยาว และม้วนงอไปด้านหลัง มีขนละเอียด ดอกบานเต็มที่กว้าง 1.5-2 เซนติเมตร ออกดอกช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม ผลแห้งแตก เป็นฝักยาว 15-20 เซนติเมตร เมล็ดกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3.5 เซนติเมตร

การปลูกเลี้ยง[แก้]

พวงแสดปลูกได้ในดินทั่วไป มีความชื้นปานกลาง แสงแดดเต็มวัน ถ้าอากาศเย็นจะให้ดอกดก

ประโยชน์[แก้]

  • การใช้งานด้านภูมิทัศน์
ไม้เลื้อยเถาขนาดใหญ่ ทนร้อนและแล้งได้เป็นอย่างดี ใบมีรูปร่างเป็นวงรีคล้ายไข่ ปลายใบแหลมและมีขนาดเล็ก กลีบดอกสีส้มอมเหลือง โคนดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด และม้วนงอไปด้านหลัง ออกดอกในช่วงฤดูหนาว นิยมปลูกแบบปักชำโดยให้เลื้อยเกาะซุ้มโครงเหล็ก หรือเกาะรั้วและกำแพงบ้าน เพื่อเพิ่มสีสันให้สวนของคุณ

พวงประดิษฐ์


พวงประดิษฐ์
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พวงประดิษฐ์ ชื่อวิทยาศาสตร์

หรือ ต้นเครือออน ไม้เลื้อยขนาดใหญ่ เลื้อยพันต้นไม้ต้นอื่นได้ไกลถึง 10-15 เมตร ปลายกิ่งทอดห้อยลง ตามลำต้นและกิ่งก้านมีขนละเอียดสีขาวขึ้นหนาแน่น ออกดอกช่อย่อยเป็นกระจุก มีใบประดับสีม่วงอมชมพู ดอกย่อยเป็นสีขาวขนาดเล็ก หลุดร่วงได้ง่าย กลีบดอกส่วนโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับรั้วบ้าน และปลูกเป็นซุ้มไม้เลื้อยเพื่อให้ร่มเงา และเพิ่มบรรยากาศในสวน

ชื่อ : เครือออน
ชื่ออื่น : ออนแดงพญาโจรพวงประดิษฐ์เถาประสงค์ท้องปลิง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Congea  tomentosa Roxb
วงศ์ : LABIATAE

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เครือออน เป็นไม้เถาเลื้อยพาดพันต้นไม้อื่น เนื้อไม้แข็ง กิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขนปกคลุม  ใบ เป็นใบเดี่ยว  ออกเรียงตรงข้ามกัน รูปไข่แกมรี  ปลายใบเป็นติ่งแหลม  โคนใบมน  แผ่นใบมีขนทั้งสองด้าน  ดอก ออกเป็นช่อแยกแขนงที่ปลายกิ่ง  ดอกสีขาว มีใบประดับสีม่วงอ่อนแกมชมพู  3  ใบ รูปขอบขนาด มีขนสีขาว  ผล รูปไข่กลับ ปลายแหลม  มีขนสีขาวหนาแน่น เมล็ดเดี่ยว

สรรพคุณและประโยชน์
ใบหรือใช้ทั้ง 5 : แก้ไอ  แก้ปวดเมื่อย  ขับปัสสาวะ  รักษาโรคทางเดินปัสสาวะ  นิ่วในไต  น้ำคั้นทาแก้อาการอักเสบ  จากตะขาบ  แมลงป่อง  พิษแมลงกัดต่อย

พวงประดิษฐ์

ใบระบาด

ใบระบาด

bridal-creeper
ไม้เลื้อยไม่ผลัดใบ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาทำความสะอาดสวน ใบรูปหัวใจซ้อนกันเป็นพุ่มหนา ออกดอกเป็นช่อใหญ่สีขาวบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆในช่วงเช้ามืดจนถึงบ่าย เหมาะกับปลูกทำซุ้มไม้เลื้อยเพื่อประดับสวน หรือเลื้อยคลุมรั้วบ้าน กำแพง และควรหมั่นตัดแต่งอยู่เสมอ เคล็ดลับที่จะทำให้ซุ้มลดาวัลย์สวยมากขึ้นก็คือ ปลูกไว้ที่โคนเสาทุกต้น แล้วให้ต้นเลื้อยขึ้นไปนอนอยู่บนซุ้มไม้เลื้อย10ชนิด ลดาวัลย์

ลดาวัลย์

ลดาวัลย์ bridal-creeper ไม้เลื้อยไม่ผลัดใบ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาทำความสะ...